เมนู

8. อุตตรสูตร


[98] สมัยหนึ่ง ท่านพระอุตตรอยู่ที่วิหารชื่อว่า วัฏฏชาลิกา
ใกล้ภูเขาสังเขยยกะ ณ มหิสพัสดุชนบท ณ ที่นั้นแล ท่านพระ-
อุตตระกล่าวกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เป็น
ความดีแล้ว ที่ภิกษุพิจารณาเห็นความวิบัติของตนโดยกาลอันควร
ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย เป็นความดีแล้ว ที่ภิกษุพิจารณาเห็นความ
วิบัติของคนอื่นโดยกาลอันควร ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เป็น
ความดีแล้ว ที่ภิกษุพิจารณาเห็นสมบัติของตนโดยกาลอันควร
ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เป็นความดีแล้วที่ภิกษุพิจารณาเห็น
สมบัติของผู้อื่นโดยกาลอันควร.
ก็สมัยนั้นแล ท้าวเวสสวัณมหาราชออกจากทิศเหนือผ่านไป
ทางทิศใต้ ด้วยกรณียกิจบางอย่าง ได้สดับคำที่ท่านพระอุตตระ
แสดงธรรมแก่ ภิกษุทั้งหลาย ในวัฏฏชาลิกาวิหาร ใกล้ภูเขา
สังเขยยกะ ณ มหิสพสดุชนบท ไม่ปรากฏในเทวดาชั้นดาวดึงส์
เปรียบเหมือนบุรุษมีกำลัง เหยียดแขนที่คู้ หรือคู้แขนที่เหยียด
ฉะนั้น แล้วเข้าไปเฝ้าท้าวสักกะจอมเทพถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว
จึงกราบทูลว่า ขอเดชะ พระองค์โปรดทรงทราบว่า ท่านพระอุตตระ
นี้ได้แสดงธรรมแก่ภิกษุในวัฏฏะชาลิกาวิหารอย่างนี้... ลำดับนั้น
ท้าวสักกะจอมเทพ ได้ทรงหายจากเทวดาชั้นดาวดึงส์ ไปปรากฏ
ต่อหน้าท่านพระอุตตระ ในวัฏฏชาลิวิหาร ใกล้ภูเขาสังเขยยกะ
ณ มหิสพัสดุชนบท เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีกำลังเหยียดแขนที่คู้

หรือคู้แขนที่เหยียด ฉะนั้น แล้วเสด็จเข้าไปหาท่านพระอุตตระ
ถึงที่อยู่ อภิวาทแล้ว ประทับยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว
ได้ตรัสถามท่านพระอุตตระว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ได้ยินว่า ท่าน.
พระอุตตระแสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายอย่างนี้... จริงหรือ ท่าน
พระอุตตระถวายพระพรว่า จริงอย่างนั้น มหาบพิตร.
ส. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ คำนี้เป็นปฏิภาณของพระคุณเจ้าเอง
หรือที่เป็นของพระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น.
อ. ดูก่อนมหาบพิตร ถ้าอย่างนั้น อาตมภาพจะทำข้ออุปมา
ให้มหาบพิตรทรงสดับ ซึ่งวิญญูชนบางพวกจะรู้เนื้อความแห่ง
ภาษิตได้ด้วยข้ออุปมา ดูก่อนมหาบพิตร เปรียบเหมือนข้าวเปลือก
กองใหญ่ซึ่งมีอยู่ไม่ไกลบ้านหรือนิคมนัก ชนหมู่มากขนข้าวเปลือก
ออกจากกองนั้นด้วยกระเช้าบ้าง ด้วยตะกร้าบ้าง ด้วยห่อพกบ้าง
ด้วยกอบมือบ้าง ดูก่อนมหาบพิตร บุคคลผู้หนึ่งเข้าไปถามชน
หมู่ใหญ่นั้นอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายขนข้าวเปลือกนี้มาจากไหน
ดูก่อนมหาบพิตร มหาชนนั้นจะตอบอย่างไร จึงจะตอบได้อย่างนี้
ถูกต้อง.
ส. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ มหาชนนั้นพึงตอบให้ถูกต้องได้อย่างนี้ว่า
พวกเราขนมาจากกองข้าวเปลือกกองใหญ่โน้น.
อุ. ดูก่อนมหาบพิตร ฉันนั้นเหมือนกันแล คำอันเป็นสุภาษิตทั้งหมด
ล้วนเป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นั้น ดังนั้น อาตมภาพจึงชักเอาข้าวเปลือกมาถวายพระพร

โดยเที่ยบเคียงสุภาษิตอันเป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
ขอถวายพระพร.
ส. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ไม่เคยมีมาแล้ว
ที่ท่านพระอุตตระได้กล่าวไว้เป็นอย่างดีดังนี้ว่า คำอันเป็นสุภาษิต
ทั้งหมดล้วนเป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมา-
สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ดังนั้น อาตมาภาพจึงชัดเอาข้าวเปลือก
มาถวายพระพร โดยเทียบเคียงสุภาษิต อันเป็นพระดำรัสของ
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ท่านอุตตระผู้เจริญ สมัยหนึ่ง พระผู้มี-
พระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ ใกล้เมืองราชคฤห์ เมื่อ
พระเทวทัตหลีกไปแล้วไม่นาน ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงปรารภพระเทวทัต ตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เป็นความดีแล้ว ที่ภิกษุพิจารณาเห็นความวิบัติของตนโดยกาล
อันควร ฯลฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระเทวทัตมีจิตอันอสัทธรรม
8 ประการครอบงำย่ำยีแล้ว ต้องไปเกิดในอบาย ในนรกอยู่ชั่วกัป
แก้ไขไม่ได้ อสัทธรรม 8 ประการเป็นไฉน คือลาภ... ความเป็นผู้
มีมิตรชั่ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระเทวทัตมีจิตอันอสัทธรรม 8
ประการนี้แลครอบงำย่ำยีแล้ว ต้องไปเกิดในอบาย ในนรกอยู่ชั่วกัป
แก้ไขไม่ได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เป็นความดีแล้ว ที่ภิกษุครอบงำ
ย่ำยีลาภที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นความดีแล้วที่ภิกษุจะพึงครอบงำย่ำยี
ความเสื่อมลาภ... ยศ... ความเสื่อมยศ... สักการะ... ความเสื่อม
สักการะ... ความเป็นผู้ปรารถนาลามก... ความเป็นผู้มีมิตรชั่ว
ที่เกิดขึ้นแล้ว.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร จึงครอบงำ
ย่ำยีลาภที่เกิดขึ้นแล้ว ฯลฯ ภิกษุอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร
จึงครอบงำย่ำยีความเป็นผู้มีมิตรชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะว่าเมื่อ
คับแค้นเดือดร้อน พึงเกิดขึ้น เมื่อภิกษุครอบงำย่ำยีลาภที่เกิดขึ้น
แล้ว อาสวะที่ทำให้เกิดความคับแค้นเดือดร้อนเหล่านั้นย่อมไม่เกิด...
เพราะว่าเมื่อภิกษุไม่ครอบงำย่ำยีความเป็นผู้มีมิตรชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว
อาสวะที่ทำให้เกิดความคับแค้นเดือดร้อน พึงเกิดขึ้น เมื่อภิกษุ
ครอบงำย่ำยีความเป็นผู้มีมิตรชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว อาสวะที่ทำให้เกิด
ความคับแค้นเดือดร้อนเหล่านั้นย่อมไม่เกิด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุอาศัยอำนาจประโยชน์นี้แล จึงควรครอบงำย่ำยีลาภที่เกิดขึ้น
แล้ว... จึงควรครอบงำย่ำยีความเป็นผู้มิตรชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้
ว่า เราทั้งหลายจักครอบงำย่ำยีลาภที่เกิดขึ้นแล้ว... จักครอบงำ
ย่ำยีความเป็นผู้มีมิตรชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอ
ทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล.
ข้าแต่ท่านพระอุตตระผู้เจริญ ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้ ในหมู่
มนุษย์มีบริษัท 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ธรรม
บรรยายนี้ก็หาได้ตั้งอยู่ในบริษัทหมู่ไหนไม่ ท่านผู้เจริญ ขอพระ-
คุณเจ้าอุตตระจงเล่าเรียนธรรมบรรยายนี้ จงทรงจำธรรมบรรยาย

นี้ไว้ด้วยว่า ธรรมบรรยายนี้ชี้ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นเบื้องต้น
แห่งพรหมจรรย์.
จบ อุตตรสูตรที่ 8

อรรถกถาอุตตรสูตรที่ 8


อุตตรวิปัตติสูตรที่ 8

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า วฏฺฏชาลิกายํ คือ ในวิหารอันมีชื่ออย่างนั้น. ได้ยินว่า วิหาร
นั้น ได้ชื่อว่า วัฏฏชาลิกา เพราะตั้งอยู่ในป่าวัฏฏวัน. บทว่า
ปาตุรโหสิ ความว่า ได้เป็นผู้มาปรากฏด้วยตั้งใจว่า จักบอกเรื่องนี้
แก่ท้าวเทวราช. บทว่า อาทิพฺรหฺมจริยโก แปลว่า เป็นเบื้องต้น
พรหมจรรย์ทั้งสิ้นอันเป็นที่รวบรวมสิกขา 3 ไว้.
จบ อรรถกถาวิปัตติสูตรที่ 8